เมื่อ ‘ชีส-เนื้อปู’ ก็เป็นวีแกนได้! NIA ชวนรู้จักสตาร์ทอัพไทย สร้างนวัตกรรมไร้เนื้อแบบเหนือชั้น
12 Feb, 2025 / By
fffarmshop

เอ็นไอเอ เปิดเทรนด์การเติบโตวีแกน พร้อมโชว์สตาร์ทอัพไทยกับการทำนวัตกรรมไร้เนื้อแบบเหนือชั้น สุดทึ่ง เมื่อชีสและเนื้อปูก็เป็นวีแกนได้ พร้อมพาชมแพลตฟอร์ม-คอมมูนิตี้เพื่อไลฟ์สไตล์ไร้เนื้อสัตว์
ยุคนี้เป็นยุคแห่งการใส่ใจดูแลสุขภาพ เพราะไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็จะเห็นผู้คนให้ความสำคัญกับการออกกำลังกาย การบริโภคสินค้าและบริการที่ดีต่อสุขภาพ รวมถึงเทรนด์การรับประทานอาหารโดยเฉพาะไลฟ์สไตล์ไร้เนื้อสัตว์อย่าง วีแกน (Vegan) ที่เป็นการบริโภคสินค้าที่ไม่มีส่วนผสมของวัตถุดิบที่มาจากสัตว์ และไม่ใช้สัตว์ในกรรมวิธีการผลิต ซึ่งกำลังเป็นกระแสของผู้บริโภคในหลายประเทศ ที่มีความตระหนักรู้มากขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบทั้งด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และศีลธรรม
เมื่อธุรกิจชูแนวคิดดูแลโลกผ่านมื้ออาหาร สุขภาพดีและตอบโจทย์ด้านความยั่งยืนตามแนวทาง SDG
การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อาหารอนาคต ซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้ามูลค่าสูงที่กลุ่มคนรักสุขภาพนิยมรับประทานในปัจจุบัน โดยแบ่งเป็นกลุ่มมังสวิรัติที่งดเว้นเนื้อสัตว์เพียงอย่างเดียว แต่ยังคงรับประทานไข่ ชีส เนย นม ได้ ต่างจากกลุ่มวีแกนที่นอกจากจะเน้นรับประทานเฉพาะผักผลไม้และไม่บริโภคเนื้อสัตว์แล้ว ยังงดการเบียดเบียนสิ่งมีชีวิตทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยงดการบริโภคนม เนย ชีส ไข่ รวมถึงน้ำผึ้ง ยีสต์ และเจลาติน
ดังนั้น การมีผลิตภัณฑ์อาหารจากพืชที่หลากหลาย เช่น ถั่ว ธัญพืช เห็ด และพืชน้ำต่างๆ จึงช่วยตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการคุณค่าทางโภชนาการที่ดีต่อสุขภาพ ความสะดวกสบายในการปรุง และช่วยลดการเกิดภาวะโลกร้อนจากกระบวนการเลี้ยงปศุสัตว์ รวมถึงกระบวนการผลิตอาหารจากพืช ยังเป็นสินค้าที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศอีกด้วย
เอ็นไอเอพาส่อง 3 นวัตกรรมอาหารอนาคตเพื่อกลุ่มคนรักสุขภาพสายวีแกน
ปัจจุบันเทรนด์วีแกนไม่ได้จำกัดอยู่แต่ในอุตสาหกรรมอาหาร แต่ยังขยายครอบคลุมไปถึงผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย และสินค้าแฟชั่น โดยวสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA จะพาทุกคนไปท่องโลกนวัตกรรมอาหารวีแกนแบรนด์ไทยที่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงาน รับรองได้ว่าไม่ว่าจะสายวีแกนหน้าเก่าหรือหน้าใหม่ก็ต้องถูกใจกันอย่างแน่นอน

Deligan: เนื้อปูเทียมแบบก้อนแช่แข็งจากเห็ดยามาบูชิตาเกะ นวัตกรรมที่พัฒนามาจากการนำเห็ดยามาบูชิตาเกะระยะหลังออกดอกแล้ว 9-10 วัน ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการและโปรตีนสูง มีสารกลุ่มเบตากลูแคน ไตรเทอร์ปีน (triterpene) ทรีอิทอล (threitol) ที่ช่วยบำรุงร่างกาย ต้านอนุมูลอิสระ ต้านเซลล์มะเร็ง ลดระดับไขมันในเลือด ช่วยบำรุงสมอง มีศักยภาพช่วยป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์และโรคซึมเศร้า

อ่านต่อบนเว็บไซต์ https://forbesthailand.com/news/marketing/thai-startup-vegan
ข้อมูลดีๆจาก Forbes Thailand Magazine